Sunday, October 27, 2013

ตระเวนกินในหาดใหญ่ บ้านเก่า บ้านเกิด (1)

ระหว่างรอที่จะกลับไปทำอาหารมื้อใหญ่ครั้งแรก มีภารกิจคั่นกลางที่จะต้องมาร่วมงานแต่งงานของเพื่อนที่เรียนมหาลัยมาด้วยกัน จึงเป็นโอกาสได้กลับมาหาดใหญ่ที่เคยใช้ชีวิตอยู่มา 20 กว่าปี แต่ต้องห่างหายไปนาน เลยถือเป็นโอกาสมาแนะนำร้านอาหารที่อุตส่าห์ list มาว่าจะต้องไปทานให้ครบ รวมถึงรสชาติตามความรู้สึกของตนเอง

เนื่องด้วยวันแรกกลับด้วยเครื่องบินเที่ยวดึกเลยมีตัวเลือกไม่มากสำหรับมื้อแรก จึงเลือกร้านข้าวต้มรถแดง ขายอยู่บนรถกระบะสีแดง ตั้งอยู่ตรงข้ามด้านหน้าตลาดกิมหยง แต่ด้วยความหิวจึงไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย ชามวางปุ๊บ หมดทันทีเลยต้องขอใช้รูปจากอินเตอร์เน็ตในการประกอบคำอธิบาย

ภาพโดยคุณ MiNi จากเวป Wongnai
ภาพโดยคุณ MiNi
จากเวป Wongnai
ร้านข้าวต้มรถแดงขายข้าวต้มที่นำข้าวสวยที่หุงสุกมาใส่ในน้ำซุปพะโล้คล้ายก๋วยจั๊บ (ลักษณะเหมือนข้าวต้มปลา ที่ใช้ข้าวสวยใส่ในน้ำซุปใสแล้วเติมเนื้อปลาลวก) แล้วเติมเครื่องซึ่งประกอบด้วย เนื้อไก่, เครื่องในหมู, เลือดหมู และสามารถสั่งเพิ่มไข่ลวกเป็นพิเศษได้ รสชาติคล้ายก๋วยจั๊บแต่เป็นอารมณ์ของการทานข้าวมากกว่าก๋วยเตี๋ยวมากกว่า ข้าวใช้ข้าวหอมมะลิหุงจนสุกค่อนข้างนิ่ม เครื่องชนิดต่างๆตุ๋นมาในน้ำพะโล้ รสชาติกำลังดี แต่เสียที่เครื่องในมีกลิ่น, ไข่ลวกสุกเกินไปนิด, น้ำซุปรสชาติเค็มเกินไป ต่างจากที่เคยจำได้ว่ามันมีความเค็มกำลังดี มีความหอมของเครื่องพะโล้ เติมพริกเผ็ดนิดๆ ทานได้ 2-3 ชาม ราคาธรรมดา 35 บาท พิเศษ 45 เมื่อเทียบกับปริมาณของอาหารที่ให้ก็ไม่ได้จัดว่าแพงซักเท่าไหร่ แต่ผิดหวังกับรสชาตินิดๆ

หลังจากกลับไปนอนที่บ้านที่จากมานาน ตื่นมาก็ต่อด้วยอาหารที่มาหาดใหญ่ไม่ทานไม่ได้ คือ ติ่มซำ (ที่นี่จะเรียกกันว่า แต่เตี๊ยม เค้าว่ากันว่าเป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว) โดยป็นร้านแรกของทริปนี้ที่ไปทานแบบจริงจัง คือ ร้านติ๋มซำ โชคดีแต่เตี๊ยม ร้านดังของเมืองหาดใหญ่ที่เคยมีตำนานว่า มีคนมากมายต้องขับรถมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาทานที่นี่

ขอเล่าประวัติก่อน คนหาดใหญ่จะทานติ่มซำกันเป็นอาหารมื้อหลัก กินกันคนนึงไม่ต่ำกว่า 6-7 เข่ง คือ กินแทนข้าวเช้ากันเลย และเกือบทั้งหมดจะเป็นประเภทนึ่งเมื่อสั่ง ไม่เหมือนติ่มซำในโรงแรมหรือตรังหรือภูเก็ตที่จะทำมาก่อนเลยแล้วเลือกทานจากที่ทำเสร็จแล้ว เมื่อก่อนในเมืองหาดใหญ่จะมีร้านติ่มซำอยู่หลากหลายร้านมากที่รสชาติอร่อย คุณภาพใกล้เคียงกัน ซึ่งตอนเด็กๆเคยทำสถิติกินคนเดียวได้ 20 เข่งมาแล้ว
แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่รู้เพราะว่าเมื่อก่อนไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ หรือว่าคุณภาพของร้านอื่นๆลดลง ร่วมกับด้วยความที่ส่วนตัวจะชอบติ่มซำที่ใช้เนื้อหมูบดผสมกับมันหมูและกุ้ง บดให้เข้ากันเพื่อให้มีรสชาติของหมูและกุ้ง ความกรอบของตัวกุ้งช่วยเสริมรสชาติและได้ความนิ่มของมันหมูในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไปจนทำให้เลี่ยน ทำให้ ณ ตอนนี้มีร้านติ่มซำในหาดใหญ่ที่ยังไปทานเป็นประจำอยู่เพียงแค่ 2 ร้าน คือ โชคดีแต่เตี๊ยม และ กุ๊กชัย ซึ่งวางแผนว่าจะไปย้อนอดีตทั้งคู่ แต่วันนี้ขอเริ่มที่โชคดีก่อน



โชคดีแต่เตี๊ยม เป็นร้านติ่มซำเก่าแก่ที่ขายมานานมาก จำได้ว่าไม่ต่ำกว่า 20 ปีแน่นอน เมื่อก่อนจะขายติ่มซำคู่กับน้ำชาหรือกาแฟ เป็นอาหารเช้า แต่ตอนนี้เปิดทั้งเช้าและเย็น เคยเริ่มกินตั้งแต่ร้านเป็นแค่ห้องแถวห้องเดียวเล็กๆ จนขยายโต๊ะออกมาตั้งตามฟุตบาทข้างถนน จนปัจจุบันขยายห้องเพิ่มเป็น 4 ห้องแถวไปแล้ว และมีคนรอต่อคิวตลอดเวลา ถ้าอยากมาโดยไม่ต้องรออาจจะต้องมาเกือบๆ 11 โมง หรือมาช่วงเย็นไปเลย

เมนูของที่นี่จะวางเรียงอยู่บนตู้แช่ อยากทานอะไรเลือกไปตั้งเลย แล้วพนักงานจะเอาเบอร์โต๊ะกับของมาจับคู่กันให้เอง ลักษณะเนื้อของที่นี่จะเป็นอย่างที่กล่าวไว้ข้างบนคือ ใช้เนื้อหมูบดผสมกับกุ้งและมันหมู ไม่เลี่ยนจนเกินไปและได้ความกรอบของเนื้อกุ้งมาช่วยให้เนื้อมี texture มากขึ้น รสชาติอร่อย และด้วยประสบการณ์ที่ทำมาหลายสิบปี เวลาที่นึ่งก็ออกมาพอดีๆ (พนักงานแต่ละคนจำหน้าได้ทั้งนั้น) ไม่แข็ง, ไม่ดิบและไม่เละ แม้จะสั่งทีเดียวหลายสิบเข่งก็ตาม เวลาไปนั่งโต๊ะจะมีผักสดประกอบด้วยผักกาดหอมสดและผักชีให้ทานแกล้มด้วยตามปกติ


รสชาติของน้ำจิ้มที่เริ่มต้นด้วยรสหวาน ตัดด้วยรสเปรี้ยวและเผ็ดเล็กน้อย(จิ๊กโฉ่ว เป็นซ๊อสที่พึ่งค้นพบตอนโตแล้วว่าใช้ทานกับแต่เตี๊ยมได้ด้วย) รสชาติกำลังพอดี





ลักษณะของติ่มซำทั้งหมดใช้เนื้อหมูผสมกุ้งกับมันเป็นส่วนผสมหลัก แต่ก็จะมีเมนูอื่นๆอย่างเช่น ข้าวเหนียวกุนเชียง, ก๋วยเตี๋ยวหลอดหน่อไม้กุ้ง, กุ๋ยฉ่าย รสชาติทั้งหมดยังดีไม่ทิ้งลักษณะเด่นของแต่ละอย่าง ขนมจีบรสชาติเป็นขนมจีบ ฮะเก๋ารสชาติเป็นฮะเก๋า กระดูกหมูน้ำแดงรสชาติออกหวานและออกเผ็ดเล็กน้อยทานกับซาลาเปาน่าจะเข้ากันเป็นอย่างดี ปลาน้ำแดงไม่มีกลิ่นคาว อาหารทั้งหมดไม่มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อย่างกลิ่วคาวของกุ้งหรือปลา กลิ่นน้ำมันงาที่มากจนเกินไป หรือแม้แต่ความสุกที่มากหรือน้อยไป มีข้อติอย่างเดียวของเมนูติ่มซำวันนี้คือ แป้งที่ใช้ห่อติ่มซำหนาเกินไป ทำให้เมื่อทานจะมีรสชาติของแป้งมากเกินไปและเมื่อตั้งทิ้งไว้แป้งจะค่อนข้างแข็ง

เมนูต่อไปเป็นเมนูน้ำซุปอย่าง บะกุ๊ดแต๋ ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Must order menu รสชาติเข้มข้น เครื่องต่างๆตุ๋นมาจนนิ่มแต่ไม่เละ แทบจะสามารถใช้ปลายตะเกียบกดให้เนื้อหมูหลุดออกมาจากซี่โครงได้ทันที เครื่องในไม่มีกลิ่น รสชาติของพะโล้ชัดเจน ไม่เค็มจนเกินไป มีความหวานเล็กน้อยจากเห็ดชนิดต่างๆ







โดยสรุป ร้านโชคดีแต่เตี๊ยม ร้านติ่มซำเก่าแก่ในเมืองหาดใหญ่ยังไม่ทำให้ผิดหวังกับคุณภาพที่เปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยมากๆ เพียงแค่แป้งที่ใช้ทำหนาขึ้นเท่านั้น นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็นรสชาติ คุณภาพของวัตถุดิบ ยังอยู่ในระดับที่ดี ไม่เคยทำให้ผิดหวังในทุกครั้งที่มาทาน

No comments:

Post a Comment